วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

รูปภาพเพิ่มเติมผลงานฝีมือเรมบรันต์ ฟาน ริเจนี่




























ภาพเหมือนตัวเอง ปี พ.ศ. 2201
แม้มีคนยิงปืนขึ้นหนึ่งนัดด้านหลังชายที่สวมหมวกเหลือง  ดูเหมือนเขาไม่สะทกสะท้าน  หากยังคงพูดกับชายในชุดดำที่ยืนผายมืออยู่ข้าง ๆ  คนอื่นถืออาวุธเป็นหอก  ทวนหัวขวาน  และปืน  สุนัขตัวหนึ่งอยู่ทางขวา ด้านซ้ายเป็นเด็กสาวแต่งชุดสีขาวล้วน  ว่ากันตามจริงแล้วนี่คือภาพที่สับสนวุ่นวาย



ภาพ The Night Watch  ปี พ.ศ. 2185
โกลาหล  คำนี้ผุดขึ้นมาในใจขณะที่ผมกำลังพินิจรูป The Night Watch  ภาพเขียนโด่งดังที่สุดของเรมบรันต์ซึ่งเป็นภาพคนติดอาวุธกลุ่มหนึ่งในกรุงอัมสเตอร์ด้ม  ประเทศเนเธอร์แลนด์  ยุคศตวรรษที่ 17  ขณะจัดแถว  แม้จะเคยมีศิลปินวาดภาพกองกำลังพลเรือนมาหลายครั้งก่อนหน้านี้  แต่ต้องมีการจัดท่าทางให้คนในภาพเพื่อจะบอกได้ง่ายว่าใครเป็นใคร  และไม่มี "องค์ประกอบแปลกปลอม" อย่างเช่น  สุนัขหรือเด็กหญิง  เรมบรันต์ทำลายขนบของการจัดระเบียบที่ยึดถือกันมานาน  และเป็นจิตรกรคนแรกที่หาญกล้าเขียนภาพการจัดแถวที่ดูสับสนวุ่นวายอย่างในภาพนี้  เรมบรันต์ใช้การกระทำเช่นนี้บ่งบอกถึงบุคลิกของเขา  นั่นคือ  หัวแข็ง  ดื้อรั้น  และไม่ฟังใคร

ภายในพิพิธภัณฑ์ริกส์  กรุงอัมสเตอร์ดัม  ประเทศเนเธอร์แลนด์
แม้โดยทั่วไป  อัมสเตอร์ดัมจะเกี่ยวข้องกับภาพ The Night Watch และเรมบรันต์ความจริงก็คือ  จิตรกรผู้นี้ไม่ได้ถือกำเนิดที่นี่  เขาเกิดที่เมืองไลเดนเมื่อ 401 ปีก่อน  เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2149  เป็นลูกคนที่เก้าของเจ้าของโรงสี  เรมบรันต์เข้าโรงเรียนสอนภาษาละตินที่บ้านเกิด และเรียนต่อในมหาวิทยาลัยอีกหลายปีซึ่งเป็นอภิสิทธิ์ที่ใช่ว่าลูกเจ้าของโรงสีทุกรายจะมีได้  ณ เมืองไลเดนนี่เองที่เขาเริ่มต้นศึกษาศิลปะการวาดภาพ  แต่อนาคตของเขากลับรออยู่ที่อัมสเตอร์ดัม  ซึ่งมีภาพลักษณ์ของเมืองหลวงที่ใหญ่โตและภาพรวมที่เป็นนานาชาติ  เป็นแหล่งชุมนุมงานศิลปะอันกว้างขวาง  อีกทั้งยังมีลูกค้าผู้มั่งคั่งมากมาย  ปี พ.ศ. 2174  เรมบรันต์ย้ายมาตั้งหลักแหล่งที่อัมสเตอร์ดัมเป็นการถาวร

ภาพเหมือนซัสเกีย  ปี พ.ศ. 2178
สามปีให้หลัง  เขาแต่งงานกับซัสเกีย ฟาน อายเลนเบิร์ก  ธิดาของนายกเทศมนตรีเมืองลียูวาเดนและเป็นญาติกับพ่อค้างานศิลปะ  การแต่งงานส่งให้เรมบรันต์เข้าสู่แวดวงชั้นสูงยิ่งขึ้นไปอีก  เขาประสบความสำเร็จในฐานะจิตรกรและมีผู้ว่าจ้างให้วาดภาพจำนวนมาก  กระทั่งสามารถซื้อคฤหาสน์หรูในราคาแพงลิบ  กว่าเรมบรันต์และซัสเกียจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังใหม่  ก็ต้องผ่านเรื่องเลวร้ายสองครั้งนั่นคือลูกคนโตเสียชีวิตหลังเกิดได้สองเดือน  และลูกคนที่สองก็จากไปเมื่ออายุหนึ่งเดือน

ชีวิตของเรมบรันต์ดูเหมือนจะมีเรื่องสุขและเศร้าเกิดขึ้นต่อเนื่อง  ลูกคนที่สามซึ่งเป็นหญิงก็ตายหลังเกิดได้ไม่กี่สัปดาห์  จากนั้น ติตัส ลูกชายก็ถือกำเนิดขึ้นและโชคดีที่มีชีวิตรอดมาจนโต  แต่ก็เกิดเรื่องเศร้าขึ้นอีกในปี พ.ศ. 2185  อันเป็นปีที่เขาวาดภาพ The Night Watch  เสร็จ  ซัสเกียก็เสียชีวิตลงคาดว่าด้วยวัณโรค



ภาพเฮนด์ริกเก สตอฟเฟิลส์  ภรรยาลับของเรมบรันต์  ปี พ.ศ. 2191
หลังซัสเกียเสียชีวิต  เรมบรันต์ว่าจ้างหญิงชื่อเคอร์เท เดียริกซ์มาดูแลติตัสซึ่งยังเล็กอยู่  ต่อมาราวห้าปีหรือกว่านั้น  เขาก็จ้างเฮนด์ริกเก สตอฟเฟิลส์มาเป็นแม่บ้าน  และเกิดตกหลุมรักเธออย่างถอนตัวไม่ขึ้น  แต่เคอร์เทอ้างว่าเรมบรันต์เคยสัญญาว่าจะแต่งงานกับเธอ  และเรียกร้องให้เรมบรันต์จ่ายค่าเลี้ยงดูให้เธอเนื่องจากเขาผิดสัญญา  จึงเกิดการโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อน โดยเคอร์เทกล่าวหาด่าทอเรมบรันต์อย่างสาดเสียเทเสีย  ผลสุดท้ายเรื่องก็ตกเป็นธุระของศาล  ซึ่งตัดสินว่าเขาจะต้องจ่ายเงินปีละ 200 กิลเดอร์  แต่เรมบรันต์ก็โต้กลับและทำให้เคอร์เทถูกกักขังอยู่ในโรงทอผ้าที่เมืองเกาดา  ซึ่งคล้ายกับเรือนจำสมัยนี้

ภาพ The Anatomy Lesson of Dr. Nicolaes Tulp  ปี พ.ศ. 2175

ย้อนกลับไปในวัย 26  เรมบรันต์วาดภาพเหมือนกลุ่มบุคคลภาพแรก ได้แก่ภาพ The Anatomy Lesson of Dr. Nicolaes Tulp ในภาพนั้น  ศาสตราจารย์และบรรดาลูกศิษย์ชะโงกตัวอยู่เหนือซากศพเกือบเปลือยของนักโทษคนหนึ่ง  ความแตกต่างอย่างสำคัญของภาพนี้กับภาพ The Night Watch ก็คือบุคคลในภาพนี้ล้วนวาดขึ้นโดยมีรายละเอียดเดียวกัน  ภาพดังกล่าวแขวนอยู่ที่โรงชั่งน้ำหนักในสมัยยุคกลาง ณ จัตุรัสนิวมาร์คจวบจนถึงศตวรรษที่ 19
มุมมองหนึ่งในภาพเขียนของเรมบรันต์  คงชอบด้านหยาบกระด้างของอัมสเตอร์ดัม  จะมีจิตรกรซักกี่คนในยุคนั้นที่วาดภาพสุนัขกำลังถ่าย  หรือนำเสนอภาพด้านหน้าเต็ม ๆ ของผู้ชายกำลังปัสสาวะ  จะมีใครอื่นอีกที่กล้าร่างภาพผู้หญิงนั่งยอง ๆ ถกกระโปรงขึ้นสูงขณะถ่ายปัสสาวะ  ความกักขฬะเช่นนั้นเป็นอีกด้านของแรมบรันต์จิตรกรขบถหัวรั้น  ซึ่งไม่สนใจธรรมเนียมปฏิบัติของสังคม



อีกมุมหนึ่งภายในพิพิธภัณฑ์ริกส์
ในปี พ.ศ. 2199  เรมบรันต์ไม่สามารถชำระเงินค่าบ้านหลังใหญ่ที่แพงลิบลิ่วได้  เขาจึงต้องกู้ยืมเงินมาจ่ายค่าบ้านแต่ก็มีปัญหาในการชำระคืนเงินกู้  จึงถูกบีบให้เป็นบุคคลล้มละลาย  ศิลปวัตถุจำนวนมากซึ่งเคยรับใช้เขามาอย่างดีในการเขียนภาพถูกขายทอดตลาด  บ้านเขาก็ถูกนำมาประมูลเช่นกัน  เรมบรันต์ย้ายไปอยู่บ้านเช่าบนถนนเลียบคลองโรเซนครากท์  และอยู่ที่นั่นจนกระทั่งเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2212
เรมบรันต์ในวัย 50  กลายเป็นบุคคลล้มละลายความนิยมชมชอบลดน้อยลง  ใช่ว่าทุกคนจะอยากได้ภาพเหมือนที่วาดในสไตล์ของเขาซึ่งสวนกระแสสุดโต่ง  ภาพวาดขนาดมหึมาที่ชื่อ The Conspiracy of the Batavians under julius Civilis ซึ่งแต่เดิมมีขนาดวัดได้ 5.5 X 5.5 เมตร (ปัจจุบันมีขนาด 196 X 309 เซนติเมตร)  และเรมบรันต์ได้รับว่าจ้างให้วาดไปติดที่ศาลาว่าการ (ปัจจุบันคือพระราชวัง) นำไปตั้งแสดงเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนจะส่งกลับ  อาจเป็นได้ว่าข้าราชการในศาลาว่าการไม่ชอบภาพนั้น  แต่จะเป็นกรณีใดก็ตาม  เรมบรันต์คงต้องไม่พอใจอย่างยิ่ง



ภาพเหมือนติตัส วาดเป็นรูปนักบวช  ปี พ.ศ. 2203
แม้จะอยู่ในวัยชรา  แต่เรมบรันต์ก็ยังไม่วายพบเรื่องเศร้า  นั่นคือลูกชายมาด่วนจากไปเสียก่อน  ลูกซึ่งเป็นแบบให้เขาวาดภาพนักบวชน้อยน่ารัก  และภาพเด็กผู้ชายก้มอยู่เหนือโต๊ะเขียนหนังสือ นัยน์ตาทอดมองเอกสารด้วยท่าทางครุ่นคิด

ภาพเหมือนตัวเอง วาดเป็นพระสาวกปอล  ปี พ.ศ. 2204
บ้านที่เรมบรันต์อาศัยอยู่กระทั่งเสียชีวิตถูกรื้อไป  ป้ายด้านหน้าอาคารเขียนว่า นี่คือตำแหน่งที่ตั้งบ้านหลังสุดท้ายของเรมบรันต์  ปัจจุบันคือบ้านเลขที่ 184 ริมคลองโรเซนครากท์  เป็นร้านขายของเก่าซึ่งสร้างขึ้นเป็นเครื่องเตือนใจว่า  ครั้งหนึ่ง เฮนด์ริกเก สตอฟเฟิลส์และติตัส  เคยประกอบกิจการค้างานศิลปะอยู่ที่นี่เมื่อกว่า 300 ปีก่อน  ภาพเหมือนที่เขาวาดไว้ในช่วงท้าย ๆ ของชีวิต อาทิ ภาพเหมือนตัวเองวาดเป็นพระสาวกปอล  รูปชายชราอ้วนกลม  แววในดวงตาบ่งบอกว่าเจ้าตัวเคยผ่านความรุ่งโรจน์มามาก  แต่กลับแฝงความทุกข์ระทมไว้มากกว่า  เรมบรันต์ช่างซื่อตรงต่อตัวเองยิ่งนักจนเกือบจะเป็นความไร้ปรานี  กล้าเขียนรูปตัวเองในสภาพอ้วนฉุ  นัยน์ตาแฝงแววเศร้า  นี่เองคือความเลิศเลอของภาพเหมือนฝีมือจิตรกรชาวดัตช์  
เมื่อมองผลงานสร้างสรรค์ของเรมบรันต์  เราจะรู้จักกับคนจริง ๆ ที่มีเลือดเนื้อ  ในแต่ละปี  ผู้คนหลายพันคนจากทั่วทุกมุมโลกไปกรุงอัมสเตอร์ดัม  เพื่อทำความรู้จักกับเขาตราบเท่าที่ภาพเขียน  งานแกะสลัก  และภาพวาดเส้นของเขายังอยู่  เรมบรันต์ก็จะไม่มีวันตาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น