ภาพเหมือนตัวเอง ปี พ.ศ. 2201
แม้มีคนยิงปืนขึ้นหนึ่งนัดด้านหลังชายที่สวมหมวกเหลือง ดูเหมือนเขาไม่สะทกสะท้าน หากยังคงพูดกับชายในชุดดำที่ยืนผายมืออยู่ข้าง ๆ คนอื่นถืออาวุธเป็นหอก ทวนหัวขวาน และปืน สุนัขตัวหนึ่งอยู่ทางขวา ด้านซ้ายเป็นเด็กสาวแต่งชุดสีขาวล้วน ว่ากันตามจริงแล้วนี่คือภาพที่สับสนวุ่นวาย
ภาพ The Night Watch ปี พ.ศ. 2185
ภาพ The Night Watch ปี พ.ศ. 2185
โกลาหล คำนี้ผุดขึ้นมาในใจขณะที่ผมกำลังพินิจรูป The Night Watch ภาพเขียนโด่งดังที่สุดของเรมบรันต์ซึ่งเป็นภาพคนติดอาวุธกลุ่มหนึ่งในกรุงอัมสเตอร์ด้ม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ยุคศตวรรษที่ 17 ขณะจัดแถว แม้จะเคยมีศิลปินวาดภาพกองกำลังพลเรือนมาหลายครั้งก่อนหน้านี้ แต่ต้องมีการจัดท่าทางให้คนในภาพเพื่อจะบอกได้ง่ายว่าใครเป็นใคร และไม่มี "องค์ประกอบแปลกปลอม" อย่างเช่น สุนัขหรือเด็กหญิง เรมบรันต์ทำลายขนบของการจัดระเบียบที่ยึดถือกันมานาน และเป็นจิตรกรคนแรกที่หาญกล้าเขียนภาพการจัดแถวที่ดูสับสนวุ่นวายอย่างในภาพนี้ เรมบรันต์ใช้การกระทำเช่นนี้บ่งบอกถึงบุคลิกของเขา นั่นคือ หัวแข็ง ดื้อรั้น และไม่ฟังใคร
ภายในพิพิธภัณฑ์ริกส์ กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์
ภายในพิพิธภัณฑ์ริกส์ กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์
แม้โดยทั่วไป อัมสเตอร์ดัมจะเกี่ยวข้องกับภาพ The Night Watch และเรมบรันต์ความจริงก็คือ จิตรกรผู้นี้ไม่ได้ถือกำเนิดที่นี่ เขาเกิดที่เมืองไลเดนเมื่อ 401 ปีก่อน เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2149 เป็นลูกคนที่เก้าของเจ้าของโรงสี เรมบรันต์เข้าโรงเรียนสอนภาษาละตินที่บ้านเกิด และเรียนต่อในมหาวิทยาลัยอีกหลายปีซึ่งเป็นอภิสิทธิ์ที่ใช่ว่าลูกเจ้าของโรงสีทุกรายจะมีได้ ณ เมืองไลเดนนี่เองที่เขาเริ่มต้นศึกษาศิลปะการวาดภาพ แต่อนาคตของเขากลับรออยู่ที่อัมสเตอร์ดัม ซึ่งมีภาพลักษณ์ของเมืองหลวงที่ใหญ่โตและภาพรวมที่เป็นนานาชาติ เป็นแหล่งชุมนุมงานศิลปะอันกว้างขวาง อีกทั้งยังมีลูกค้าผู้มั่งคั่งมากมาย ปี พ.ศ. 2174 เรมบรันต์ย้ายมาตั้งหลักแหล่งที่อัมสเตอร์ดัมเป็นการถาวร
ภาพเหมือนซัสเกีย ปี พ.ศ. 2178
ภาพเหมือนซัสเกีย ปี พ.ศ. 2178
สามปีให้หลัง เขาแต่งงานกับซัสเกีย ฟาน อายเลนเบิร์ก ธิดาของนายกเทศมนตรีเมืองลียูวาเดนและเป็นญาติกับพ่อค้างานศิลปะ การแต่งงานส่งให้เรมบรันต์เข้าสู่แวดวงชั้นสูงยิ่งขึ้นไปอีก เขาประสบความสำเร็จในฐานะจิตรกรและมีผู้ว่าจ้างให้วาดภาพจำนวนมาก กระทั่งสามารถซื้อคฤหาสน์หรูในราคาแพงลิบ กว่าเรมบรันต์และซัสเกียจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังใหม่ ก็ต้องผ่านเรื่องเลวร้ายสองครั้งนั่นคือลูกคนโตเสียชีวิตหลังเกิดได้สองเดือน และลูกคนที่สองก็จากไปเมื่ออายุหนึ่งเดือน
ชีวิตของเรมบรันต์ดูเหมือนจะมีเรื่องสุขและเศร้าเกิดขึ้นต่อเนื่อง ลูกคนที่สามซึ่งเป็นหญิงก็ตายหลังเกิดได้ไม่กี่สัปดาห์ จากนั้น ติตัส ลูกชายก็ถือกำเนิดขึ้นและโชคดีที่มีชีวิตรอดมาจนโต แต่ก็เกิดเรื่องเศร้าขึ้นอีกในปี พ.ศ. 2185 อันเป็นปีที่เขาวาดภาพ The Night Watch เสร็จ ซัสเกียก็เสียชีวิตลงคาดว่าด้วยวัณโรค
ภาพเฮนด์ริกเก สตอฟเฟิลส์ ภรรยาลับของเรมบรันต์ ปี พ.ศ. 2191
ภาพเฮนด์ริกเก สตอฟเฟิลส์ ภรรยาลับของเรมบรันต์ ปี พ.ศ. 2191
หลังซัสเกียเสียชีวิต เรมบรันต์ว่าจ้างหญิงชื่อเคอร์เท เดียริกซ์มาดูแลติตัสซึ่งยังเล็กอยู่ ต่อมาราวห้าปีหรือกว่านั้น เขาก็จ้างเฮนด์ริกเก สตอฟเฟิลส์มาเป็นแม่บ้าน และเกิดตกหลุมรักเธออย่างถอนตัวไม่ขึ้น แต่เคอร์เทอ้างว่าเรมบรันต์เคยสัญญาว่าจะแต่งงานกับเธอ และเรียกร้องให้เรมบรันต์จ่ายค่าเลี้ยงดูให้เธอเนื่องจากเขาผิดสัญญา จึงเกิดการโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อน โดยเคอร์เทกล่าวหาด่าทอเรมบรันต์อย่างสาดเสียเทเสีย ผลสุดท้ายเรื่องก็ตกเป็นธุระของศาล ซึ่งตัดสินว่าเขาจะต้องจ่ายเงินปีละ 200 กิลเดอร์ แต่เรมบรันต์ก็โต้กลับและทำให้เคอร์เทถูกกักขังอยู่ในโรงทอผ้าที่เมืองเกาดา ซึ่งคล้ายกับเรือนจำสมัยนี้
ภาพ The Anatomy Lesson of Dr. Nicolaes Tulp ปี พ.ศ. 2175
ย้อนกลับไปในวัย 26 เรมบรันต์วาดภาพเหมือนกลุ่มบุคคลภาพแรก ได้แก่ภาพ The Anatomy Lesson of Dr. Nicolaes Tulp ในภาพนั้น ศาสตราจารย์และบรรดาลูกศิษย์ชะโงกตัวอยู่เหนือซากศพเกือบเปลือยของนักโทษคนหนึ่ง ความแตกต่างอย่างสำคัญของภาพนี้กับภาพ The Night Watch ก็คือบุคคลในภาพนี้ล้วนวาดขึ้นโดยมีรายละเอียดเดียวกัน ภาพดังกล่าวแขวนอยู่ที่โรงชั่งน้ำหนักในสมัยยุคกลาง ณ จัตุรัสนิวมาร์คจวบจนถึงศตวรรษที่ 19
ย้อนกลับไปในวัย 26 เรมบรันต์วาดภาพเหมือนกลุ่มบุคคลภาพแรก ได้แก่ภาพ The Anatomy Lesson of Dr. Nicolaes Tulp ในภาพนั้น ศาสตราจารย์และบรรดาลูกศิษย์ชะโงกตัวอยู่เหนือซากศพเกือบเปลือยของนักโทษคนหนึ่ง ความแตกต่างอย่างสำคัญของภาพนี้กับภาพ The Night Watch ก็คือบุคคลในภาพนี้ล้วนวาดขึ้นโดยมีรายละเอียดเดียวกัน ภาพดังกล่าวแขวนอยู่ที่โรงชั่งน้ำหนักในสมัยยุคกลาง ณ จัตุรัสนิวมาร์คจวบจนถึงศตวรรษที่ 19
มุมมองหนึ่งในภาพเขียนของเรมบรันต์ คงชอบด้านหยาบกระด้างของอัมสเตอร์ดัม จะมีจิตรกรซักกี่คนในยุคนั้นที่วาดภาพสุนัขกำลังถ่าย หรือนำเสนอภาพด้านหน้าเต็ม ๆ ของผู้ชายกำลังปัสสาวะ จะมีใครอื่นอีกที่กล้าร่างภาพผู้หญิงนั่งยอง ๆ ถกกระโปรงขึ้นสูงขณะถ่ายปัสสาวะ ความกักขฬะเช่นนั้นเป็นอีกด้านของแรมบรันต์จิตรกรขบถหัวรั้น ซึ่งไม่สนใจธรรมเนียมปฏิบัติของสังคม
อีกมุมหนึ่งภายในพิพิธภัณฑ์ริกส์
อีกมุมหนึ่งภายในพิพิธภัณฑ์ริกส์
ในปี พ.ศ. 2199 เรมบรันต์ไม่สามารถชำระเงินค่าบ้านหลังใหญ่ที่แพงลิบลิ่วได้ เขาจึงต้องกู้ยืมเงินมาจ่ายค่าบ้านแต่ก็มีปัญหาในการชำระคืนเงินกู้ จึงถูกบีบให้เป็นบุคคลล้มละลาย ศิลปวัตถุจำนวนมากซึ่งเคยรับใช้เขามาอย่างดีในการเขียนภาพถูกขายทอดตลาด บ้านเขาก็ถูกนำมาประมูลเช่นกัน เรมบรันต์ย้ายไปอยู่บ้านเช่าบนถนนเลียบคลองโรเซนครากท์ และอยู่ที่นั่นจนกระทั่งเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2212
เรมบรันต์ในวัย 50 กลายเป็นบุคคลล้มละลายความนิยมชมชอบลดน้อยลง ใช่ว่าทุกคนจะอยากได้ภาพเหมือนที่วาดในสไตล์ของเขาซึ่งสวนกระแสสุดโต่ง ภาพวาดขนาดมหึมาที่ชื่อ The Conspiracy of the Batavians under julius Civilis ซึ่งแต่เดิมมีขนาดวัดได้ 5.5 X 5.5 เมตร (ปัจจุบันมีขนาด 196 X 309 เซนติเมตร ) และเรมบรันต์ได้รับว่าจ้างให้วาดไปติดที่ศาลาว่าการ (ปัจจุบันคือพระราชวัง) นำไปตั้งแสดงเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนจะส่งกลับ อาจเป็นได้ว่าข้าราชการในศาลาว่าการไม่ชอบภาพนั้น แต่จะเป็นกรณีใดก็ตาม เรมบรันต์คงต้องไม่พอใจอย่างยิ่ง
ภาพเหมือนติตัส วาดเป็นรูปนักบวช ปี พ.ศ. 2203
ภาพเหมือนติตัส วาดเป็นรูปนักบวช ปี พ.ศ. 2203
แม้จะอยู่ในวัยชรา แต่เรมบรันต์ก็ยังไม่วายพบเรื่องเศร้า นั่นคือลูกชายมาด่วนจากไปเสียก่อน ลูกซึ่งเป็นแบบให้เขาวาดภาพนักบวชน้อยน่ารัก และภาพเด็กผู้ชายก้มอยู่เหนือโต๊ะเขียนหนังสือ นัยน์ตาทอดมองเอกสารด้วยท่าทางครุ่นคิด
ภาพเหมือนตัวเอง วาดเป็นพระสาวกปอล ปี พ.ศ. 2204
ภาพเหมือนตัวเอง วาดเป็นพระสาวกปอล ปี พ.ศ. 2204
บ้านที่เรมบรันต์อาศัยอยู่กระทั่งเสียชีวิตถูกรื้อไป ป้ายด้านหน้าอาคารเขียนว่า “นี่คือตำแหน่งที่ตั้งบ้านหลังสุดท้ายของเรมบรันต์” ปัจจุบันคือบ้านเลขที่ 184 ริมคลองโรเซนครากท์ เป็นร้านขายของเก่าซึ่งสร้างขึ้นเป็นเครื่องเตือนใจว่า ครั้งหนึ่ง เฮนด์ริกเก สตอฟเฟิลส์และติตัส เคยประกอบกิจการค้างานศิลปะอยู่ที่นี่เมื่อกว่า 300 ปีก่อน ภาพเหมือนที่เขาวาดไว้ในช่วงท้าย ๆ ของชีวิต อาทิ ภาพเหมือนตัวเองวาดเป็นพระสาวกปอล รูปชายชราอ้วนกลม แววในดวงตาบ่งบอกว่าเจ้าตัวเคยผ่านความรุ่งโรจน์มามาก แต่กลับแฝงความทุกข์ระทมไว้มากกว่า เรมบรันต์ช่างซื่อตรงต่อตัวเองยิ่งนักจนเกือบจะเป็นความไร้ปรานี กล้าเขียนรูปตัวเองในสภาพอ้วนฉุ นัยน์ตาแฝงแววเศร้า นี่เองคือความเลิศเลอของภาพเหมือนฝีมือจิตรกรชาวดัตช์
เมื่อมองผลงานสร้างสรรค์ของเรมบรันต์ เราจะรู้จักกับคนจริง ๆ ที่มีเลือดเนื้อ ในแต่ละปี ผู้คนหลายพันคนจากทั่วทุกมุมโลกไปกรุงอัมสเตอร์ดัม เพื่อทำความรู้จักกับเขาตราบเท่าที่ภาพเขียน งานแกะสลัก และภาพวาดเส้นของเขายังอยู่ เรมบรันต์ก็จะไม่มีวันตาย
ขอบคุณ ข้อมูล จาก เรมบรันต์ : จิตรกรขบถ จากบล็อก โอเคเนชั่น oknation.net
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น